สวัสดีค่ะ


เกริ่นก่อนนะคะ


บริษัทเเรกที่ทำงานควบรวมเข้ากับ บริษัทในเครือ โดยจ่ายค่าชดเชยค่าเดินทางให้1500บาท โดยบริษัทที่ทำงานปัจจุบันอยู่ที่เมืองทอง ซึ่งทางบ้านเราค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายทางการเงินค่อนข้างไม่พออยู่แล้วต่อเดือน


ตอนนี้ทำงานมาประมาณ1ปี7เดือน ต้นเดือนเมษา วันที่2 ทางบริษัทได้นัดพนักงานรายบุคคลจำนวนหนึ่งเพื่อ

ไปคุยกับฝ่ายบุคคล ซึ่งฝ่ายบุคคลได้เสนอว่าทางบริษัทใหญ่แถวเชาชิงช้า ได้เปิดแผนกใหม่ ซึ่งจะได้ร่วมงาน

กับบุคคลคุณภาพ เขาถามว่าสนใจไหม เราก็ตอบว่าสนใจไป เพราะบริษัทแรกเลยก่อนหน้ามีเคสว่าถ้าพนักงาน

ไม่ย้ายก็คือต้องออก ซึ่งไม่ได้มีการเซ็นเอกสารแต่อย่างใด ตอนบ่ายได้ปรึกษากับที่บ้านซึ่งได้ข้อสรุปเรื่องการ

เดินทางรายจ่ายว่า ไม่สะดวกที่จะไป จึงได้เเจ้งฝ่ายบุคคลไปในตอนบ่าย ผ่านมาประมาณ1-2วัน หัวหน้าเรา

เรียกคุย ว่าทำไมไม่ไปซึ่งของไปพูดว่าในอนาคตถ้างานบางอย่างเราทำไม่ได้เขาก็อาจจะต้องให้ออก ที่บริษัท

ใหญ่ต้องการคนทำงานอยู่พอดีจึ่งเหมาะกับเรา เราจึงตอบว่าลองไปดูก่อนก็ได้เพราะไม่มีทางเลือก ในที่ประชุม

หัวหน้าได้บอกกับทุกคนว่าทางเจ้าของบริษัทต้องการคนทั้งหมดที่จะไป (ขอตัวพนักงานมาโดยตรง) มีโปรเจค

ใหม่ที่ต้องการคน โดยพนักงานที่จะไปมีทั้งหมด5คน ลาออก1คน อีก2วันต่อมา ได้นัดพนักงานทั้งหมด5คนไป

พูดคุยที่บริษัทใหญ่ที่เสาชิงช้า มีการพูดคุยเบื้อต้น เกี่ยวกับการขอบคุณที่พนักงานเสียสละมา ขอโทษที่ทำให้

ทุกคนต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่งั้้นคนอื่นอาจจะต้องมาที่นี่เพิ่มอีก หรือพูดว่าทุกคนไม่เสียใจนะคะถ้าหากไม่

ได้มีพนักงานคนอื่นมาเพิ่มอีก หรือการให้ไปไหว้พระให้จิตใจจะได้แจ่มใส มีการพูดว่าเจ้าของของบริษัทต้องการ

ตัวมาแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งอีก3คนไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่ควรพูดกับพนักงานที่โดนสั่งย้ายแบบไม่

ทันตั้งตัว ตอนบ่ายได้พูดคุยกับหัวหน้าที่บริษัทใหญ่ ซึ่งได้มาการสัมภาษณ์โดยเปิดพอร์ตงานสมัยสมัครงานใหม่

และถามว่าถนัดงานอะไร ทำงานอะไรผ่านมาบาง ต้องการให้ทุกคนได้ทำงานที่นี่ได้ทำงานอย่ามีมีความสุข แต่

เมื่อถามว่าให้เริ่มงานเมื่อไหร่กลับไม่สามารถตอบได้ ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกแย่เพราะ หัวหน้าอีกคนบอกมาไม่

ตรงกัน ว่ามีแผนกเปิดใหม่ หรือมีตำแหน่งให้ทำ หรือต้องการตัว แต่ทางบริษัทบอกย้ำว่า บริษัทเราไม่มีนโย

บายไล่พนักงานออกเลย ทางบริษัทบอกไม่มีการเริ่มนับเวลาทำงานใหม่ คือย้ายจำนวนปีที่ทำงานของบริษัทเก่ามานับต่อที่นี่เลย


แต่เราคิดว่าด้วยเงินเดือนหมื่นห้า ค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน ค่าน้ำมัน และการเดินทาง มันค่อนข้างไม่สะดวกในการย้ายบริษัท ในกรณีนี้คือบริษัทไม่ได้ให้ทางเลือกในการอยู่ทำงานที่เดิมต่อ คือยังไงก็ต้องย้ายไปทำงานที่เสาชิงช้า บ้านอยู่แถวเกษตรตัดใหม่ ซึ่งเราเข้าทำงานเวลา8:35 ค่อนข้างไม่สะดวก


ซึ่งในเคสนี้อยากขอคำปรึกษาว่า ถ้าหากเราไม่ไปขอลาออกทางบริษัทควรมีค่าชดเชยหรือค่าตกใจให้เราเพิ่มมั๊ยคะ หรือได้รับแค่เงินเดือนๆสุดท้ายอย่างเดียว

ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน หากพนักงานหรือลูกจ้างลาออกเอง ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามกฎหมาย

ส่วนกรณีการย้ายสถานประกอบการนั้น พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541มาตรา 120 ซึ่งได้ถูกแก้ไขตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับที่ 2 พ.ศ.2551 ได้บัญญัติถึงค่าชดเชยพิเศษซึ่งลูกจ้างมีสิทธิได้รับในกรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นไว้ ดังนี้

“ในกรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นอันมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิตตามปกติของลูกจ้างและครอบครัว  นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันย้ายสถานประกอบกิจการ  ในการนี้ถ้าลูกจ้างไม่ประสงค์ไปทำงานด้วย  ให้ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายจ้างหรือวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามมาตรา 118ฯลฯ”

การจะได้รับเงินชดเชยกรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการตามมาตรานี้ จะต้องเป็นกรณีที่นายจ้างปิดสถานประกอบการเดิม และไปเปิดสถานประกอบการแห่งใหม่ที่กระทบกับลูกจ้าง เช่น ปิดที่ทำงานที่กรุงเทพ ไปเปิดที่เชียงใหม่ เช่นนี้ลูกจ้างจึงจะมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยพิเศษ แต่หากเป็นการเพิ่มสถานประกอบกิจการ ลูกจ้างมีสิทธิลาออกได้ แต่ไม่ได้รับเงินค่าชดเชยพิเศษ