อยากขอสอบถามเรื่อง สัญญาเงินกู้ ค่ะ เนื่องจากสัญญาเงินกู้ ทำไว้ ตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2557 โดยเป็นกระดาษสัญญาเงินกู้ปกติ โดยมีดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาท จากยอดเงิน 200,000 บาท ในสัญญาระบุครบสัญญา 22 ธันวาคม 2559 แต่ก่อนหน้าครบสัญญา ได้ เข้าไปคุยเรื่องการส่งดอกเบี้ย โดยตั้งแต่ 22 ธันวาคม 2557 เป็นต้นมาส่งดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 บาท ทุกเดือนมาต่อเนื่อง แต่ในช่วงเดือน มกราคม - เดือน มิถุนายน 2559 ติดปัญหาเรื่องการส่งดอกเบี้ย ด้วยเหตุผลบางประการ ทางผุ้ให้กู้ เรียกเข้าไปคุยรายละเอียดเรื่องการติดดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าว และด้วยความที่คนที่ รู้จักกับทาง ผู้ค้ำสัญญา เลยขอเป็นจากการผ่อนชำระดอกเบี้ย เป็นการส่งคืนค่าทำสัญญาเงินต้นคืนเดือนละ 8,000 บาท ผู้ให้กู้ยินยอม และก็เริ่มได้ทำการผ่อนชำระกัน ตั้งแต่ เดือน กรกฎาคม 2559 จนกระทั่งเดือนปัจจุบัน คือ เดือน พฤศิจกายน 2559 โดยต่อเนื่อง เดือนละ 8,000 บาท แต่จากที่ คุยติดต่อสื่อสารผ่านทางผู้ค้ำ เป็นว่า เงินที่คุยกันว่า จะให้ผ่อนคืนเดือนละ 8,000 บาท จะไม่ทำเช่นนั้นแล้ว แบบกลับคำพูด จะให้ส่งแต่ดอกเบี้ย คือง่าย ๆคือ จะเอาแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียวและจะให้เปลี่ยนสัญญาใหม่ แต่จากการที่ มีการคุยราละเอียด ได้ บันทึกเทป ไว้และแต่ละเดือนที่โอนเงิน เขียนแจ้งทุกครั้ง "ค่าผ่อนบ้าน" อยากทราบว่า
1.ในกรณีที่ ถ้า ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2559 ยังไม่ไปเปลี่ยนสัญญาเป็นฉบับใหม่ ผู้ให้กู้ มีสิทธิ์ ฟ้องไหม เพราะถ้าผู้ให้กู้ กำลังจะนัดให้เข้าไปเปลี่ยนสัญญาใหม่
2.ถ้าไปเปลี่ยนสัญญาฉบัยใหม่ ผุ้ให้กู้ ต้องลงรายละเอียดว่าอย่างไรบ้าง ในสัญญา
**ขอสอบถามเพื่อความสะบายใจในการทำขัี้นตอนต่อไปค่ะ **** ไม่อยากให้ มาเอาเปรียบกันมากเกินไป

          1. สัญญากู้เงินไม่มีการต่อสัญญาครับ เพราะหากผิดนัดแล้ว เจ้าหนี้สามารถฟ้องศาลภายในกำหนดอายุความ 10 ปี นับแต่วันผิดนัดชำระหนี้ 
         2. การคิดดอกเบี้ยตามสัญญากู้กฎหมายให้คิดได้ร้อยละ 15 ต่อปี หากคิดเกินตกเป็นโมฆะ แต่การที่ยินยอมจ่ายดอกเบี้ยเกินอัตรา ลูกหนี้จะถือเอามาชำระเงินต้นไม่ได้ ดังนั้น จะมีปัญหาทันทีหากชำระเดือนละ 8 พันเป็นการชำระแค่ดอกเบี้ย เงินต้นก็ยังเท่าเดิม 
         3. หากไปทำสัญญาใหม่ก็เท่ากับเป็นการขยายเวลาชำระดอกเบี้ยออกไป แต่เงินต้นยังเท่าเดิม ดังนั้น ไม่ควรทำสัญญาอะไรทั้งสิ้น ควรจะทำหนังสือแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบว่า ต่อไปจะชำระเป็นเงินต้น และดอกเบี้ยตามกฎหมายเท่านั้น การชำระเงินควรฝากธนาคาร ไม่ควรโอนทางเอทีเอ็ม เพราะจะได้มีหลักฐานว่าได้มีการชำระหนี้แล้ว
       4. หากจำเป็นต้องทำสัญญาจริง ๆ ก็ต้องระวังเรื่องดอกเบี้ยให้คิดกันแค่ไม่เกิน 15 % ต่อปี