โจ

โจ

ผู้เยี่ยมชม

  คดียักยอกทรัพย์ บริษัทกล่าวหาว่าไม่นำเงินมาส่งบริษัท (1694 อ่าน)

9 มิ.ย. 2559 15:11

เรื่องมีอยู่ว่า ผมเคยเป็นพนักงานตำแหน่งพนักงานขายให้กับบริษัทต่างชาติบริษัทหนึ่ง ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยผมมีหน้าที่ขายสินค้าและเก็บเงินลูกค้า โดยเริ่มงานกับบริษัทใรวันที่ 2 มิถุนายน 2557 และในช่วงนี้ก็มีการขายและเก็บเงินตามปกติ แต่ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน 2558 บริษัทมีการตรวจสอบทางบัญชีพบว่า มีเงินอยู่จำนวน แสนกว่าบาท ไม่ได้มีการตัดบัญชีลูกหนี้ ก็คือบริษัทแจ้งผมว่ามา ลูกค้ารายนี้ยังไม่ส่งเงินให้บริษัทซึ่งตามระเรียบบริษัทในการซื้อขายต่างๆ เราจะมีดิวซื้อขายกันคือขายวันนี้ อีก 30 วันเก็บเงิน ถ้ายังไม่มีการเก็บเงินเก่า จะไม่มีการซื้อขายของใหม่ต่อไป แต่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 จนถึง ตอนบริษัทกล่าวหา ก็มีการซื้อขายกันมาตลอดกับลูกค้ารายนี้ ส่วนตัวผมเองก็แจ้งกับบริษัทไปว่า ผมได้เก็บเงินลูกค้าและส่งให้ทางบัญชีไปแล้ว โดยเก็บเงินจากลูกค้ามา 3 รายได้วันเดือนกัน โดยวันที่เก็บเงินมาคือวันที่ 8 พ.ย. 2557 แต่จุดอ่อนคือไม่มีการเซ็นต์รับเงินจากทั้งทางผมและบัญชี ทำให้ไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการส่งเงิน แต่มีข้อสังเกตุอยู่ว่า ยอดเงินที่เก็บมา 3 ยอด มีเพียงสองยอดเงินที่ถูกตัดบัญชีลูกหนี้อย่างถูกต้อง แต่ยอดเงินอีกยอดที่ทางบริษัทกล่าวหาผม ไม่ถูกตัดออก เมื่อทำการสืบค้นรายการตัดบัญชีลูกหนี้ ผมก็พบข้อสงเกตุอีกข้อหนึ่งคือ ในวันที่ตัดบัญชีเงิน 3 ยอด มีเงินจำนวนหนึ่งที่ใกล้เคียงกับเงินที่ผมเก็บมา แต่ต่างกันเพียง 9,000 บาท แต่อีกสองยอดเงินนั้นถูกต้องตามจำนวนที่ผมเก็บมา แต่ทางบัญชียืนยันว่า ยอดเงินที่ผมกล่าวอ้างว่าใกล้เคียงนั้นเป็นเงินของบิลของลูกค้ารายอื่น ทั้งที่ ณ เวลานั้นจำนวนเงินเท่านี้ผมไม่ได้เก็บมาจากลูกค้ารายใดเลยนอกจากรายนี้รายเดียว และ เซล์ของบริษัท มี 2 คนเท่านั้น คือผม และ พนักงานอีกคน และ พนักงานอีกคนนั้นก็ไม่ได้เก็บเงินจำนวนนี้มาเช่นกัน ในเวลานั้น หลักจากทำการสืบสวน ตั้งคณะกรรมการไต่สวนกันภายในบริษัท เป็นระยะเวลากว่า 5 เดือน บริษัทก็มีหนังสือออกมาว่า ให้ลงโทษทางวินัยกับผม โดยการว่ากล่าวตักเตือน และห้ามให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก ในเดือนตุลาคม 2558 แต่แล้วบริษัทก็นำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง ในเดือนธันวาคม 2558 เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า พนักงานคนที่โดนไล่ออกไปนั้นกระทำความผิดโดยการยักยอกเงินบริษัทไปจริง(พนักงานที่โดนไล่ออกก็ถูกกล่าวหาว่าไม่นำเงินส่งคืนบริษัทเช่นกัน) บริษัทจึงรื้อคดีขึ้นมาใหม่ และมาแจ้งความกับตำรวจ ในวันที่ 25 พ.ค. 2559 โดยแจ้งข้อหากับผมว่า ยักยอกทรัพย์

ผมจึงอยากสอบถามว่า กรณีแบบนี้ ถือว่าหมดอายุความหรือไม่ เพราะเรื่องเกิดมานานเกิน 3 เดือน แต่บริษัทพึ่งมาแจ้งความดำเนินคดีกับผม ซึ่งผมไม่ได้กระทำผิดอะไร แต่อ่อนหลักฐานเรื่องการเซ็นต์รับส่งเงิน และอีกอย่างคือบริษัทเคยออกหนังสือลงโทษทางวินัยกับผมไปแล้ว แบบนี้มีผลทางกฎหมายอย่างไรหรือไม่
และบริษัทจะอ้างว่าพึ่งรู้เรื่องตอนแจ้งความได้หรือไม่


ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

โจ

โจ

ผู้เยี่ยมชม

ทนายภูวรินทร์  081-9250-144

ทนายภูวรินทร์ 081-9250-144

ผู้ดูแล

26 ก.พ. 2560 22:36 #1

****เนื่องจากทนายภูวรินทร์ ติดภารกิจศาลค่อนข้างมากไม่ได้เข้ามาตอบคำถาม****
จึงทำให้มีคำถามตกค้างเป็นจำนวนมาก      
ดังนั้น หากมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องการได้รับคำตอบแบบทันใด
​รบกวนโทรศัพท์มาปรึกษาเพื่อพูดคุยข้อเท็จจริงกันจะสะดวกรวดเร็วมากกว่าครับ
หากโทรไม่ติด หรือไม่ได้รับ อาจเป็นเพราะติดคดีความในศาล ให้โทรมาใหม่อีกครั้ง
หรือพูดคุยกันในไลน์ก็ได้ครับจะสะดวกรวดเร็วกว่า
ผมยินดีให้คำปรึกษาครับ
ทนายภูวรินทร์ Tel. 081-925-0144 หรือ ID.LINE 0819250144

ทนายภูวรินทร์  081-9250-144

ทนายภูวรินทร์ 081-9250-144

ผู้ดูแล

ตอบกระทู้
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้