เคยไปกู้เงินกับเจ้าหนี้ที่เป็นคนรู้จักกันค่ะ มีการเขียนสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อมาได้ชำระหนี้หมดพร้อมทั้งดอกเบี้ย ชำระเป็นเงินสดมีพยานบุคคล ขอสัญญาคืนแต่เจ้าหนี้บอกว่าไม่ได้นำมาด้วยจะไปฉีกสัญญาให้ทีหลัง ผ่านไปหลายปีเจ้าหนี้เสียชีวิต ลูกของเจ้าหนี้ติดต่อมาว่าเราค้างชำระ เพราะสัญญายังอยู่ เราก็เลยบอกตามความจริงไปค่ะ เค้าก็เข้าใจ ต่อมาเค้าให้ทนายติดต่อมาว่าเค้าจะฟ้องค่ะ เรายืนยันว่าชำระเรียบร้อยแล้ว ทางทนายเลยยื่นข้อเสนอว่าให้ยอมจ่ายเงิน1ใน3ของหนี้ แล้วฉีกสัญญาค่ะ ยอมรับเลยค่ะว่าพลาดมากที่ไว้ใจกัน เราควรทำอย่างไรคะ

          การกู้ยืมเงินนั้น กฎหมายบังคับว่าจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ  มิฉะนั้น จะฟ้องศาลเพื่อบังคับให้ชำระหนี้เงินกู้ไม่ได้  ฉันใด การชำระหนี้เงินกู้ก็เช่นกัน กฎหมายกำหนดว่า "ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วมาตรา 653 วรรคสอง"
       หากไม่มีเอกสารใดมาแสดงก็อาจต้องเป็นเหตุให้ชำระหนี้หลายครั้ง ทั้งที่ควรจะทำกันให้เสร็จสิ้นแต่แรก หากผู้ให้กู้ไม่ได้เอาสัญญามาด้วย ก็ไม่ต้องจ่ายเงินกู้คืน หรือให้เขียนใบเสร็จว่าได้รับชำระหนี้ทั้งหมดคืนแล้วก็ได้ ง่ายมากเลยวิธีนี้ หากไม่ทำก็อาจเกิดปัญหาเช่นนี้ได้ ซึ่งหากผู้ให้กู้ไม่สุจริต นำสัญญามาฟ้องอีกจะแก้ไขกันอย่างไร เพราะกฎหมายบังคับไว้เช่นนี้ จึงไม่มีทางแก้ไขวิธีอื่นเลย