สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษาค่ะ สามีดิฉัน(ไม่ได้จดทะเบียนสมรส)เป็นพนักงานขายได้นำสินค้าไปให้เพื่อนของเขา(ซึ่งเป็นอดีตพนง.ขายแล้วลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว)ขายโดยใช้ชื่อในนามร้านค้าแห่งหนึ่งแต่สามีเป็นผู้เซ็นรับสินค้า ซึ่งนายจ้างก็รับรู้เรื่องนี้เนื่องจากมีผลประโยชน์ด้านคอมมิชชั่นร่วมกัน ต่อมาบริษัทได้ปิดตัวลงแล้วให้พนง.ขายทุกคนเซ็นรับสภาพหนี้ที่ยังเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้ สามีก็ได้เซ็นไปเกือบล้านบาท ปัญหาอยู่ตรงเพื่อนของเขาไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ทั้งหมด(หนี้ประมาณ600,000บาท) ทางนายจ้างจึงให้ทนายโทรมาไกล่เกลี่ยกับสามีดิฉันบอกว่าหากไม่จ่ายจะฟ้องร้องข้อหายักยอกทรัพย์ ในหนี้600,000บาทเพื่อนของเขาสามารถหาเงินสดมาชำระได้200,000บาทที่เหลือคิดว่าจะผ่อนจ่าย
1.ในกรณีนี้สามารถเปลี่ยนคนรับสภาพหนี้ได้ไหมค่ะเพราะเพื่อนของเขายอมที่จะเซ็นรับสภาพหนี้แทน(สามีไม่ได้นำเงินไปใช้สักบาท แม้แต่นายจ้างก็รู้)
2.สามีควรทำอย่างไรดีค่ะเพื่อไม่ให้เรื่องถึงศาล หรือควรจะพูดอย่างไรดีเพราะนัดเจรจากับทนายของนายจ้างวันเสาร์นี้
3.ทนายความบอกว่าดิฉันจะเดือดร้อนด้วยจะให้ดิฉันชดใช้แทนในฐานะที่เป็นภรรยา(สามีดิฉันไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ทุกอย่างเป็นชื่อดิฉัน) ดิฉันต้องชดใช้ไหมค่ะ

ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

รายละเอียดเพิ่มเติมนะค่ะ ที่เซ็นรับสภาพหนี้คือเป็นกระดาษปริ้นธรรมดามีรายละเอียดแค่ว่าลูกค้ารายนี้ยังเก็บเงินไม่ได้ใช่ไหม แล้วให้พนง.เซ็นว่าถูกต้องไหม อย่างนี้ถือเป็นการรับสภาพหนี้หรือเปล่าค่ะ

แล้วที่สามีเซ็นรับสินค้าคือเป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับนะค่ะส่วนนี้นำมาฟ้องร้องได้ไหมค่ะ

         การที่บริษัทได้ยินยอมให้พนักงานเอาสินค้าไปขาย พนักงานก็ถือเป็นตัวแทนในการขายสินค้า เมื่อบริษัทยินยอมให้ขาย และเมื่อลูกค้าไม่ชำระเงิน จึงเป็นเรื่องของบริษัทที่จะต้องไปดำเนินการฟ้องเรียกเงินค่าสินค้ากับลูกค้า พนักงานไม่มีส่วนรับผิดชอบมาชำระหนี้แทนลูกค้าแต่อย่างใด ส่วนการทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามที่แจ้งมาก็ถือว่าเป็นเรื่องลูกค้าผิดสัญญาทางแพ่งที่ไม่ชำระค่าสินค้า ไม่เกี่ยวกับพนักงาน แม้จะรับสภาพหนี้ไปก็สามารถต่อสู้คดีได้ แต่การจะดำเนินคดีอาญานั้น แม้จะไม่ผิดไม่ได้ยักยอกทรัพย์สินบริษัท ก็ไม่ควรจะไปเซ็นรับผิดว่าได้ทำ เพราะมิฉะนั้นจะแก้ไขยาก เพราะทำหนังสือผูกมัดตัวเอง เรื่องจริงเป็นอย่างไร ก็ชี้แจงให้ทนายความบริษัทไปตามนั้น 
        ส่วนการที่ทนายมาข่มขู่ว่าจะให้ภรรยารับผิดชอบด้วยนั้น ก็เป็นเพียงการขู่ให้กลัวเท่านั้น เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และไม่ได้ร่วมทำผิด คุณจึงไม่มีหน้าที่ต้องไปชำระเงินแทนผู้ใด

ขอบคุณมากค่ะ