:y:ปรึกษาปัญหาของลูกหนี้ค่ะ
:k:1.ปี 2551 ดิฉันลงชื่อในสัญญากู้เงิน 2 ฉบับและมอบโฉนดที่ดินตัวจริงให้พี่สาวไปกู้เงินโดยไม่รู้จักเจ้าหนี้และไม่เคยรับเงินค่ะ
2.สัญญากู้ 1 ฉบับดิฉันใส่จำนวนเงินตามที่พี่สาวขอให้ช่วยกู้คือ 20,000 บาท พี่สาวบอกไม่ต้องเขียนยอดเงินก็ได้ ดิฉันจึงขีดฆ่าและลงชื่อกำกับ อีกฉบับ ลงชื่ออย่างเดียว
3.พี่สาวไปกู้มา 40,000 บาท โดยที่ดิฉันมาทราบภายหลัง เมื่อเจ้าหนี้ทวงและเขาหมดความสามารถส่งดอกร้อยละสิบ
4.ดิฉันได้เจราจาขอจ่ายเงินต้น 40,000 เพราะเขาได้ดอกเบี้ยร้อยละสิบไปหลายเดือนแล้ว ขอความเห็นใจเพราะดิฉันไม่รู้ว่าพี่ยังไปกู้อีก แต่เมื่อกู้เขามาจะช่วยจ่ายให้ แต่เขาไม่ตกลง
5. มีทนายโทรมาขอให้ดิฉันเซ็นชื่อลอยในเอกสารการโอนที่ดิน ดิฉันไม่ตกลงก็หายเงียบไป ดิฉันทราบมาว่าเจ้าหนี้อยากได้ที่ดิน
6.ปัจจุบัน ปี 2557 (เจ้าหนี้ไม่ติดตามเลย 4 ปีแล้ว นับแต่ติดต่อล่าสุด และนาน 6 ปีสำหรับปีที่กู้เงิน) ซึ่งตอนนี้มีคนติดต่อซื้อที่ดินที่ ดิฉันอยากขายแต่โฉนดอยู่ที่เจ้าหนี้ทำงัยดีค่ะ ปัจจุบันดิฉันไม่มีกำลังจ่ายเพราะขาดสภาพคล่องอย่างหนักเลย
7.ดิฉันสามารถต่อสู้(กรณีถูกฟ้อง)ได้ไหมว่ายกเลิกการอนุญาตให้ไปกู้เงินแล้ว เพราะข้อเท็จจริงพี่สาวบอกว่าไม่กู้แล้ว แต่เอกสารโฉนดอยู่ที่พี่ ดิฉันสะเพร่าเห็นว่าเป็นพี่สาวจึงไม่ติดตามเอาคืนทันที ทั้งเอกสารที่ลงชื่อก็ไม่ได้ขอคืนเลยไม่รู้ว่าพี่สาวให้สัญญาเปล่าเจ้าหนี้หรือเปล่า ถ้าเกิดเจ้าหนี้กรอกเกินจริงจะทำงัยค่ะ เชื่อพี่สาวไม่ได้เลยค่ะ โกหกเก่งมาก
8.ดิฉันไม่เคยรับเงินถือว่าสัญญาปลอมไหมค่ะ
9.ทำไมเจ้าหนี้ไม่ฟ้องค่ะ รอดอกเบี้ยงอกหรืองัย ติดต่อทวงถามก็ไม่มี พี่เราเผาเรือนแท้ๆๆๆ
ทำงัยดีค่ะ หากถูกฟ้องดิฉันมีทรัพย์สินที่ถูกขายได้หลายแปลงค่ะ เป็นทรัพย์สินที่ไม่เกิดรายได้ แต่ดิฉันไม่ต้องการขายค่ะ
10.ตอนเรามีเงินจะจ่ายได้ ไม่ยอมรับ ถ้าฟ้องมาตอนี้จะทำงัยละค่ะ

เจ้าหนี้เขาทำเป็นธุรกิจ ดอกร้อยละสิบต่อเดือน ไม่เห็นใจลูกหนี้เลย บางที่มันน่าจะปฏิเสธคำฟ้องในศาลให้หมดเลย ไม่จ่ายเลย ในเมื่อใจดำนัก:angry:
จ้องจะเอาที่ดินเพื่อนอย่างเดียวเลย ปล ดิฉันไปขอออกโฉนดใหม่แจ้งว่าหายดีไหมค่ะ จะได้ขายเอาเงินมาเลี้ยงลูกค่ะ พี่สาวตัวดีไม่รับผิดชอบเลย

อยากให้เจ้าหนี้ฟ้องซะทีจะได่เจราจาให้มันจบ หรือไม่ก็ไม่จ่ายเลยศักบาทจ้องจะฮุบที่เรานัก เจ็บใจ
.ให้พี่สาวตัวดีเจรจาให้ก็บอกต้องมีเงินไปให้เขาถึงจะเจรจาได้ และจะเอาจากไหนละชั้น แค่ขอให้เจราจราขอลดหน่อยเราจะได้กู้เงินมาให้ ก็ไม่ยอม ไป

        การที่คุณลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงินจำนวนสองฉบับ พร้อมทั้งยังมอบต้นฉบับโฉนดที่ดินให้เป็นหลักประกันการชำระหนี้อีกด้วยนั้น ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงมาก เพราะหากไปอ้างว่าสัญญาปลอม หรือไม่ได้รับเงินเลย ก็ย่อมขัดกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากหากไม่ได้กู้กันจริง หรือหากไม่ได้รับเงินกันจริง ๆ จะมีใครที่ไหนเอาต้นฉบับโฉนดที่ดินซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่มีความสำคัญอย่างยิ่งไปให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้ จึงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันในตัวและสืบพยานให้ศาลเชื่อยากมากครับ
         อย่างไรก็ตาม หากจะให้เรื่องจบคุณต้องให้พี่สาวไปขอสำเนาสัญญากู้มาทั้งสองฉบับ แล้วต้องให้พี่สาว หรือคุณนำเงินพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี (ต้องดูตามสัญญาเป็นหลัก หากระบุเกินร้อยละ 15 ต่อปี หรือร้อยละสิบต่อเดือน ถือเป็นโมฆะ แต่เจ้าหนี้ยังมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีได้ครับ) ไปวางชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน (ต้องแสดงหลักฐานการกู้เงินด้วย) ที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรุงเทพฯ หรือสำนักงานบังคับคดีประจำจังหวัดที่คุณมีภูมิลำเนา โดยอ้างว่าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำระหนี้เพราะต้องการดอกเบี้ยต่อเดือนจำนวนสูงไปเรื่อยๆ เมื่อวางชำะหนี้แล้ว ถือว่าเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิจะยึดถือโฉนดที่ดินคุณไว้ต่อไป ต้องทวงคืน หากไม่คืนก็ต้องฟ้องศาลเพื่อให้ส่งมอบคืนอีกครั้งหนึ่งครับ จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหมือนกัน ยุ่งยาก และเสียค่าใช้จ่ายเยอะเลย