ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียว คุณพ่อและคุณแม่ทำกิจการส่วนตัวในอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง(ก่อน พ.ศ.2530) มาตั้งแต่ดิฉันยังไม่เกิด ก่อนแต่งงานกับคุณแม่ คุณพ่อได้เป็นผู้ซื้อ ชำระเงิน อาคารพาณิชย์ 2 ห้องนี้ แต่เนื่องด้วยติดภาระ คุณพ่อได้ให้คุณอา เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อขายและรับโอนเป็นชื่อคุณอา ด้วยความที่ไว้ใจน้องสาว คุณพ่อก็ไม่ได้ติดใจอะไร ครอบครัวของเราก็ดำเนินกิจการมาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งคุณอาแต่งงาน คุณพ่อได้ซื้ออาคารพาณิชย์อีก 1 ห้อง แต่ครั้งนี้เป็นชื่อคุณพ่อที่เซ็นสัญญาซื้อขายและรับโอน และให้คุณอาออกไปอยู่อาคารพาณิชย์หลังใหม่กับครอบครัว และครอบครัวของดิฉันก็ดำเนินกิจการและอยู่อาศัยในอาคารพาณิชย์ 2 ห้องมาตลอด จนกระทั่งเมื่อปี 2544 คุณพ่อได้เสียชีวิตลง และไม่ได้ทำพินัยกรรม ดิฉันกับคุณแม่ก็ดำเนินกิจการอยู่ในอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง มาได้เรื่อยๆ โดยที่ยังเป็นชื่อของคุณอา ดิฉันอยากจะสอบถามว่า ดิฉันสามารถยื่นคำร้อง ครอบครองปรปักษ์ อาคารพาณิชย์ 2 ห้อง นี้ได้หรือไม่ เนื่องด้วยดิฉันถือครอง และ ดำเนินกิจการมามากกว่า 10 ปี และไม่สามารถฟ้องร้องเอาอาคารพาณิชย์คืนมาได้ในกรณีอื่น (และปัจจุบันคุณอา ก็ยังอาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ 1 ห้อง ที่คุณพ่อซื้อไว้ตอนที่คุณอาแต่งงาน เหมือนสลับบ้านกันอยู่ค่ะ)

ป.ล.1 ดิฉันและคุณแม่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน อาคารพาณิชย์ 2 ห้อง ค่ะ เพราะ ดิฉันและคุณแม่ มีบ้านอยู่อาศัยอีกหลังหนึ่ง และ ได้ย้ายทะเบียนบ้านจากอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง มายังบ้านที่อยู่อาศัยหลังจากที่คุณพ่อเสียค่ะ แต่ยังดำเนินกิจการมาจนถึงทุกวันนี้
ป.ล.2 ดิฉันขอทราบขั้นตอนในการดำเนินคดีนี้ค่ะ และ เคยได้ยินมาว่าในรูปคดีแบบนี้ ถ้าจะว่าจ้างทนาย ต้องเสียค่าทนาย 10% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ ใช่หรือไม่?
ป.ล.3 ในกรณีครอบครองปรปักษ์ ลักษณะแบบนี้ ทางเราไม่ต้องฟ้องร้องกับคู่กรณี ใช่หรือไม่?

ทนายภูวรินทร์ ได้ตอบคำถามทางอีเมลล์เรียบร้อยแล้ว