เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2555 เคยรับเป็นคนกลางหาลูกค้าให้ร้านยาเคมีเกษตรค่ะ และรับสินค้าจากขนส่งไปส่งให้ลูกค้าที่บ้าน โดยลูกค้าเป็นคนเซ็นรับสินค้า ต่อมาลูกค้าไม่จ่ายเงิน ทางร้านก็จะมาบังคับเอาเงินจากดิฉันซึ่งเป็นคนส่ง อ้างว่าต้องรับผิดที่นำสินค้าไป แต่ลูกค้าบางคนก็จ่ายไปแล้วให้กับเซลล์เงินสด แต่ร้านยาอ้างว่าไม่ได้รับเงิน และใบเสร็จลูกค้าก็ไม่ได้เก็บไว้เนื่องจาดเวลาเลยผ่านไปเป็นปีแล้วเค้าถึงว่าทวงค่ะ เค้าบอกว่าหากไม่จ่ายจะไปฟ้องศาล อยากทราบว่าดิฉันต้องจ่ายเงินนี้ไหมคะ เมื่อสินค้าดิฉันไม่ได้ใช้ ตอนเป็นคนกลางได้ค่าส่งค่าขายลังละ 200 บาทค่ะ ตกลงกันด้วยวาจา ไม่ได้ทำเป็นหนังสือเลยค่ะ ดิฉันก็เป็นข้าราชการด้วยถูกฟ้องจะกระทบกับงานหรือเปล่าก็ไม่รู้ กลุ้มใจมากค่ะ:y:

ลักษณะการกระทำที่คุณหาลูกค้าให้ร้านค้า เมื่อได้ลูกค้าแล้วก็จะรับสินค้าไปมอบให้แก่ลูกค้า โดยคุณได้เงินค่าตอบแทนเป็นค่าส่งสินค้าหรือค่าตอบแทนจากร้าน ไม่ใช่เป็นลูกจ้า และเมื่อลูกค้าชำระเงินให้แก่คุณก็ต้องส่งมอบให้แก่ร้าน หรือบางครั้งลูกค้าก็ชำระเงินค่าสินค้าแก่พนักงานขายของร้านโดยตรง พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าคุณเป็นเพียงตัวแทนของร้านค้าซึ่งเป็นตัวการเท่านั้น โดยคุณได้รับค่าบำเหน็จตอบแทน ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ในทางที่คุณเป็นผู้ซื้อสินค้าจากร้าน ดังนั้น เมื่อลูกค้าไม่ชำระเงิน ร้านค้าจะต้องไปว่ากล่าวและเรียกร้องจากลูกค้าโดยตรง จะมาเรียกให้คุณชำระหนี้แทนไม่ได้ ส่วนกรณีที่ลูกค้าชำระเงินแก่เซลล์แล้วเซลล์ไม่ได้นำไปมอบให้แก่ร้าน ก็เป็นเรื่องระหว่างร้านกับพนักงานของตนเอง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคุณแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม การทำนิติกรรมหรือการติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ ไม่ว่าเรื่องใด ควรจะสร้างพยานหลักฐานในรูปเอกสาร เช่น การติดต่อกันทางเมลล์ หรือภาพถ่ายไว้เสมอ แม้เรื่องนั้นกฎหมายจะไม่ได้บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือก็ตาม ทั้งนี้ เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจะได้อ้างเป็นพยานได้ เรื่องไหนที่คิดว่าง่าย ๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็มักจะมีปัญหาตามมาเสมอ

ดังนั้น หากร้านค้ามาเรียกร้องกับคุณก็ต้องปฏิเสธเรื่องนิติสัมพันธ์ตามที่ตอบไปแล้วข้างต้น และหากร้านฟ้องคดีต่อศาลก็สามารถยื่นคำให้การต่อสู้คดีประเด็นดังกล่าวได้ ส่วนที่คุณเป็นข้าราชการก็คงไม่กระทบอะไร เพราะเป็นคดีทางแพ่ง เพียงแต่ต้องเสียเวลาไปศาลเท่านั้น

เรื่องมันบานปลายกว่านั้นค่ะ เมื่อมีคนโทรศัพท์มาหาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นค่ะ เป็น สจ. อำเภอหนึ่งในจังหวัดพิจิตร และแจ้งว่าหากดิฉันไม่ชำระเงินจะต้องเดือดร้อน พร้อมอ้างว่าคนที่ให้โทรมาเป็น เลขา มท.1 ซึ่งมีอิทธิพลมาก รวมถึงโทรหาหัวหน้างานด้วยค่ะ ดิฉันจะแจ้งความดีไหมคะ กลุ้มใจมากค่ะ เพราะคนที่โกงเงินไปเป็นสามีของเจ้าของร้านเอง ทางภรรยาเค้าจึงเชื่อสามีทุกอย่างเลยค่ะ และพยายามใช้อิทธิพลของ เลขา มท 1 คนนี้ข่มขู่ บอกว่าหากไม่รับชำระเงินจะแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดให้ปลดออก ดิฉันเจอกับอิทธิพลมืด บอกตรงๆว่ากลุ้มใจมากค่ะ

คุณรู้หรือไม่ว่า เลขา มท.1 มีกี่คน เป็นใคร อยู่ที่ไหน มีจริงหรือไม่ หากยังไม่ทราบก็แสดงว่าเป็นเพียงคำขู่ ให้เลขาแสดงตัวเลยจะได้ร้องเรียนไปยัง มท.1 บ้าง
เรื่องนี้เป็นสิทธิเรียกร้องคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องร้องและต่อสู้คดีกันในชั้นศาล หากคุณไม่เกี่ยวข้องจริง ๆ ใครหน้าไหนก็ปลดคุณไม่ได้ เพราะไม่ได้กระทำผิดวินัยร้ายแรงอะไรและไม่ได้กระทำผิดกฎหมายอาญาใด ๆ เรื่องทางปกครองยังมีศาลปกครองไว้เป็นที่พึ่งเสมอ

หากต้องการร้องเรียน สจ. คนนี้ จะไปร้องเรียนได้ที่ไหนคะ แล้วอีกอย่างนะคะ เค้าโทรมาหาหัวหน้างานบ่อยมาก มันกระทบกับงานที่ทำ และมาหาที่หน่วยงาน ทำให้ดิฉันอับอายค่ะ จะดำเนินการอย่างไรต่อไปดีคะ กลุ้มใจจริงๆค่ะ

ปัญหานี้เกิดจากการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้สิทธิไม่ถูกช่องทางที่กฎหมายกำหนดไว้ หากคุณร้องเรียน สจ. ก็อาจได้รับการโต้ตอบกลับมาที่มากกว่านี้ก็ได้  คุณต้องอดทนอดกลั้น และอาจไปลงบันทึกประจำวันแจ้งเป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจก่อนก็ได้ และแจ้งกลับไปทุกครั้งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือทำหนังสืออธิบายชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังเจ้าของกิจการ และ สจ. หรือบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทางออกของปัญหาต้องค่อยแก้ไข ใช้เวลา และความอดทน