การตอบคำถามทางเว็บไซท์ http://www.phuwarinlawyer.com/ เป็นเพียงความคิดเห็นเบื้องต้นทางกฎหมายซึ่งได้วินิจฉัยและตอบคำถามจากข้อเท็จจริงเพียงเท่าที่ปรากฏเท่านั้น โดยอาจมีรายละเอียดข้อเท็จจริงและข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้ถามมิได้แจ้งข้อมูลมาอย่างครบถ้วนที่จะประกอบการวินิจฉัยอย่างเพียงพอ ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ************************************************************** ติดต่อปรึกษาทางโทรศัพท์ 081-9250-144 หรือ Line ID 081-9250-144 **กรณีหากไม่รับสายแสดงว่าติดภารกิจศาลหรือติดงาน กรุณาโทรติดต่อใหม่อีกครั้ง**
ตามหลักกฎหมายเมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท ส่วนกองมรดกของผู้ตายที่จะตกทอดแก่ทายาท ได้แก่ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ เว้นแต่ ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้ ทายาทโดยธรรมที่จะมีสิทธิรับมรดกมี 6 ลำดับ แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดั่งต่อไปนี้ คือ (1) ผู้สืบสันดาน (2) บิดามารดา (3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่า ตา ยาย (6) ลุง ป้า น้า อา คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในอัตราตามทายาทลำดับที่ 1 – 6 ส่วนแบ่งของทายาทแต่ละลำดับ กรณีผู้ตายมีบุตรซึ่งเป็นทายาทชั้นผู้สืบสันดานหลายคนก็จะแบ่งมรดกในอัตราคนละส่วนเท่ากัน หากมีทายาทลำดับที่ 2 คือ บิดามารดาของผู้ตาย ก็จะได้รับส่วนแบ่งเท่ากับผู้สืบสันดาน เช่นมีบุตร 2 คน พ่อกับแม่ผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ก็จะแบ่งมรดกเป็น 4 ส่วน ตกได้คนละส่วนเท่ากัน ตามกฎหมายเมื่อทายาทลำดับที่ 1 – 2 มีชีวิต ทายาทลำดับที่ 3 ลงไปจะหมดสิทธิรับมรดกโดยปริยาย สำหรับส่วนแบ่งของคู่สมรส หากผู้ตายมีบุตรจะมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเท่ากับทายาทลำดับที่ 1 คือได้ส่วนแบ่งเท่าๆกันกับบุตร หากผู้ตายมีทายาทลำดับที่ 2 หรือ 3 แล้วแต่กรณี คู่สมรสจะมีสิทธิได้รับมรดกถึงกึ่งหนึ่งเลยทีเดียว แต่หากผู้ตายไม่มีทายาทลำดับที่ 1 – 3 แต่มีทายาทรับมรดกลำดับที่ 4 – 6 แล้วแต่กรณี คู่สมรสจะมีสิทธิได้รับมรดก 2 ใน 3 ส่วน สุดท้ายหากผู้ตายไม่มีทายาทลำดับที่ 1 – 6 คู่สมรสจะได้รับมรดกทั้งหมดเลย ตามคำถามชาวต่างชาติเสียชีวิตในประเทศไทย บุคคลที่มีสิทธิได้รับมรดกก็คือทายาทตามลำดับที่ 1 – 6 ดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น บุคคลที่จะมีสิทธิมาจัดการมรดก โดยยื่นคำร้องต่อศาลที่ชาวต่างชาติเสียชีวิตได้แก่ทายาทลำดับที่ 1 – 6 คือ หากมีบุตร หรือภรรยา ก็สามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลแต่งตั้งบุคคลใดก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก (คนยื่นต้องเป็นทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกเท่านั้น) ผู้จัดการมรดกไม่ใช่ผู้มีสิทธิรับมรดกก็ได้ เพราะผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รวบรวมทรัพย์มรดกและแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทที่มีสิทธิได้รับ หากจัดการมรดกไม่ถูกต้องเช่นเอาไปเป็นของตนก็มีสิทธิถูกดำเนินคดีอาญาข้อหายักยอกมีโทษจำคุกได้ เอกสารที่ต้องใช้ดูบทความมรดกของศาลแพ่งด้านล่างนี้ ส่วนกรณีชาวต่างชาติถูกกระทำละเมิดจนเสียชีวิต หากมีบุตร (ยังไม่บรรลุนิติภาวะ) หรือภรรยา หรือบิดามารดา บุคคลเหล่านี้สามารถฟ้องผู้กระทำละเมิดให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายจากการขาดไร้อุปการะได้ครับ ความรู้เกี่ยวกับการจัดการมรดกของศาลแพ่ง ความหมายของมรดก มรดก คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายที่มีอยู่ก่อนถึงแก่ความตาย รวมทั้งสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดต่าง ๆ เช่น กรรมสิทธิ์ในที่ดิน รถยนต์ ห้องชุด สิทธิการเช่าซื้อ (แต่เงินบำเหน็จตกทอด เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ และเงินประกันชีวิตของผู้ตาย ไม่เป็นมรดกเพราะเป็นทรัพย์สินที่ได้มาภายหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายแล้ว) ส่วนหนี้สินก็เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทด้วย แต่ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน บุคคลที่มีสิทธิรับมรดก ๑. ทายาทโดยธรรม ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น และแต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดั่งต่อไปนี้ คือ (1) ผู้สืบสันดาน (รวมทั้งบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว และบุตรบุญธรรมด้วย) (2) บิดามารดา (3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่า ตา ยาย (6) ลุง ป้า น้า อา คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกเช่นกัน โดยสามีภริยาที่ร้างกัน หรือแยกกันอยู่โดยยังมิได้หย่าขาดจากกันตามกฎหมาย มิได้สิ้นไปซึ่งสิทธิโดยธรรมในการสืบมรดกซึ่งกันและกัน ๒. ผู้รับพินัยกรรม ความหมายของผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดก คือ บุคคลซึ่งศาลมีคำสั่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก โดยสิทธิตามกฎหมายในฐานะทายาทโดยธรรม หรือโดยพินัยกรรม ในฐานะผู้รับพินัยกรรม เพื่อทำหน้าที่รวบรวม ทำบัญชี และแบ่งมรดกให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย เหตุที่ร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ๑. เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรืออยู่ต่างประเทศ หรือเป็นผู้เยาว์ ๒. เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทโดยธรรมไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจที่จะจัดการ หรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือแบ่งมรดก ๓. เมื่อข้อกำหนดตามพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้ไม่มีผลบังคับได้ด้วยประการใด ๆ ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก ๑. ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมที่มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดก ๒. ผู้มีส่วนได้เสียในมรดก ๓. พนักงานอัยการ คุณสมบัติของผู้จัดการมรดก ๑. บรรลุนิติภาวะ (มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์) ๒. ไม่เป็นคนวิกลจริต ๓. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ ๔. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หน้าที่ของผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปและมีหน้าที่รวบรวมมรดกเพื่อแบ่งให้ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม ตลอดจนชำระหนี้สินของเจ้ามรดกแก่เจ้าหนี้ ทำบัญชีมรดกและทำรายการแสดงบัญชีการจัดการและแบ่งมรดก โดยต้องจัดการไปในทางที่เป็นประโยชน์แก่มรดก ผู้จัดการมรดกจะทำนิติกรรมใด ๆ ที่เป็นปรปักษ์ต่อมรดกไม่ได้ หากผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ เช่น ปิดบังมรดกต่อทายาท หรือเพิกเฉยไม่แบ่งมรดกให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก หรือผู้มีส่วนได้เสียจะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้จัดการมรดก เพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำตามหน้าที่หรือเพราะเหตุอย่าง อื่นที่สมควรก็ได้ เอกสารที่ใช้ร้องขอจัดการมรดก ๑ . กรณีบุตรกับบิดา / มารดา หรือบิดา / มารดากับบุตร ๑ . ๑ ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่าของบิดา มารดา ( กรณีสูญหายใช้ สำเนาทะเบียนสมรส หรือ ข้อมูลทะเบียนครอบครัว หรือ ทะเบียนฐานะแห่งครอบครัว หรือสำเนาทะเบียนการหย่า ที่รับรองสำเนาถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแทน) ๑. ๒ สูติบัตรของบุตร ( กรณีสูญหายใช้สำเนาทะเบียนคนเกิด หรือ แบบรับรองรายการทะเบียนคนเกิดที่รับรองสำเนาถูกต้องโดย เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแทน) หรือ สำเนาทะเบียนบ้านของบุตรที่มีเลขประจำตัวประชาชนของบิดา หรือมารดา (กรณีไม่มีเลขประจำตัวของบิดาหรือมารดาให้ติดต่อสำนักงานเขตตามสำเนาทะเบียนบ้านของบุตรเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการให้ หรือ ทะเบียนการรับรองบุตร หรือ ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม ๑.๓ บัตรประจำตัวของผู้ร้องและผู้ตาย ๑.๔ มรณบัตรของผู้ตายหรือ แบบรับรองรายการทะเบียนคนตายของผู้ตาย ๑. ๕ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตาย หรือ แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร ๑. ๖ หลักฐานเกี่ยวกับมรดกของผู้ตาย เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด เงินฝากในธนาคาร ปืน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หุ้น (กรณีที่ดิน หรือห้องชุดสูญหายหรือจดทะเบียนจำนองไว้ ใช้สำเนาโฉนดที่ดินหรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่ รับรองสำเนาถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแทน) สมุดคู่ฝากของธนาคาร คู่มือรายการจดทะเบียน รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ใบหุ้น ใบอนุญาตให้มี และใช้อาวุธปืน (กรณีสูญหายใช้สำเนาที่รับรองสำเนาถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแทน) ๑. ๗ บัญชีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก ๑.๘ หนังสือให้ความยินยอมของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวที่รับรอง สำเนาถูกต้องโดยทายาทดังกล่าว (กรณีทายาทเป็นผู้เยาว์ใช้สูติบัตร) ๑.๙ มรณบัตรของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกที่ถึงแก่ความตายก่อนผู้ตาย เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร ๑.๑๐ หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อหรือชื่อสกุล ของผู้ร้อง หรือผู้ตาย หรือทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก ๒. กรณีคู่สมรส ๒. ๑ ใบสำคัญการสมรสของผู้ตาย (กรณีสูญหายใช้สำเนาทะเบียนสมรส หรือ ข้อมูลทะเบียนครอบครัว หรือ ทะเบียนฐานะแห่งครอบครัว) ๒. ๒ เอกสารตามข้อ ๑.๓ ถึง ๑.๑๐ ๓. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๓.๑ สูติบัตรของผู้ร้องและผู้ตาย (กรณีสูญหายใช้ สำเนาทะเบียนคนเกิด หรือ แบบรับรองรายการทะเบียนคนเกิด ที่รับรองสำเนาถูกต้องโดยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแทน) หรือ ๓. ๒ สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ร้องและผู้ตายที่มีเลขประจำตัวประชาชนของบิดา และมารดา ๓.๓ เอกสารตามข้อ ๑.๓ ถึง ๑.๑๐ ๔. ผู้รับพินัยกรรมหรือผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรม ๔ . ๑ พินัยกรรม ๔ . ๒ เอกสารตามข้อ ๑.๓ ถึง ๑.๑๐