ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ
   ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ
   ศาลยุติธรรม
   ศาลแพ่ง
   ศาลแพ่งกรุงเทพใต้
   ศาลอาญา
   ศาลอาญากรุงเทพใต้
   ศาลอาญาธนบุรี
   ศาลแพ่งธนบุรี
   ศาลจังหวัดตลิ่งชัน
   ศาลจังหวัดมีนบุรี
   ศาลแขวงพระนครเหนือ
   ศาลแขวงพระนครใต้
   ศาลแขวงปทุมวัน
   ศาลแขวงดุสิต
   ศาลแขวงธนบุรี
   ค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา
   ค้นหากฎหมายไทย
   อัตราค่าส่งหมายทั่วประเทศ
   ดาวน์โหลดแบบฟอร์มศาลยุติธรรม
   เนติบัณฑิตยสภา
   สภาทนายความ
   กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
   สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา
   ห้องสมุดกฎหมายไทย 1.1
   ห้องสมุดกฎหมายไทย 2.1
   ห้องสมุดกฎหมายไทย 2.2
   ห้องสมุดกฎหมายคณะกรรมการกฤษฎีกา
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 8
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 42
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 2,478,411
 เปิดเว็บ 02/06/2553
 ปรับปรุงเว็บ 17/02/2565
กรุณาฝาก Email ของท่าน
  เพื่อรับข่าวสาร ที่น่าสนใจ
1 มิถุนายน 2566
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
    
10 
11  12  13  14  15  16  17 
18  19  20  21  22  23  24 
25  26  27  28  29  30   
             
คดีหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตกับบทลงโทษที่โลกโซเชียลต้องรู้

 คดีหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ต กับ บทลงโทษที่โลกโซเชียลต้องรู้          
         คดีหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต ที่มีลักษณะการโพสต์ประจานในโซเชียลมีเดียมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทะเลาะกันด้วยสาเหตุต่างๆ แล้วโพสต์ข้อความใส่ร้ายหรือประจานคู่กรณี
, เรื่องชู้สาว หรือทำการตัดต่อภาพเพื่อให้สาธารณชนเข้าใจผิด หากบุคคลที่ได้รับความเสียหายเป็นบุคคลสาธารณะ เช่น นักการเมือง ดารา นักร้อง นักธุรกิจ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม ก็จะได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เมื่อการหมิ่นประมาทกระทำโดยเครื่องมือสื่อสารสังคมออนไลน์ดังกล่าว ความเสียหายจึงกระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการกระทำผิดโดยการโพสต์ประจานในโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น ก่อให้เกิดความไม่สงบสุขในสังคมแห่งการออนไลน์     

 

       ถ้าจะกล่าวถึงคดีอาญาเกี่ยวกับการโพสต์ประจานในทางโซเซียลมีเดียนั้น แต่เดิมกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท คือ การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง    กรณีนี้ความเสียหายไม่มากมายนักเพราะมีเพียงแค่บุคคลที่สามที่รับทราบ (จำนวนผู้รับรู้การใส่ความไม่มาก) กฎหมายจึงระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
           แต่ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพหรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น  ** กรณีนี้ความเสียหายกระจายไปตามการโฆษณา (จำนวนผู้รับรู้การใส่ความมีมากขึ้น หรือโอกาสของบุคคลที่รับรู้การใส่ความจะเพิ่มมากขึ้น) กฎหมายจึงต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 200,000 บาท
            
ซึ่งการใส่ความที่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น หมายถึง “การยืนยันข้อเท็จจริง” หรือ“กล่าวยืนยันความจริง” หรือ “ความเท็จ” หรือ “เอาเรื่องไม่จริงไปแต่งความใส่ร้าย” หรือ “เอาเรื่องจริงไปกล่าว” ก็เป็นความผิด เรียกได้ว่า “ยิ่งจริงยิ่งหมิ่นประมาท” หรือแม้แต่การเล่าเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาไปพูดให้บุคคลอื่นฟังก็เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ และต้องไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นคำหยาบ หรือเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่แน่นอน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่คลุมเครือ หรือเลื่อนลอยหรือกล่าวด้วยความน้อยใจ และข้อเท็จจริงที่กล่าวนั้น ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันในอดีตหรือปัจจุบันไม่ใช่เพียงการคาดคะเนหรือกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคต
           
        
แต่กรณีแสดงความคิดเห็นบางอย่างแม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นในอนาคต แต่หากฟังแล้วทำให้เข้าใจว่าในปัจจุบันเป็นเช่นไร ก็ย่อมเป็นการหมิ่นประมาทได้ ต่อเมื่อสังคมเจริญขึ้น เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร หรือเป็นสังคมแห่งการออนไลน์ที่ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือที่ทันสมัยเชื่อมต่อสัญญาณด้วยอินเทอร์เน็ต และมีโปรแกรมเครื่องมือสื่อสารเป็นของตนเอง เช่น เฟซบุ๊ก หรือโปรแกรมไลน์ โดยอยู่ที่ไหนก็ออนไลน์ได้ ไม่ต้องเห็นหน้าตากัน หรือรู้จักกันมาก่อนก็หมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นกันได้ง่ายขึ้น ด่าทอกันง่ายขึ้น เป็นที่มาของ “คดีเกี่ยวกับการโพสต์ประจานในโซเชียลมีเดีย” ที่มีจำนวนสูงขึ้นต่อเนื่อง    
       รัฐจึงต้องตรากฎหมายขึ้นมาควบคุมเพื่อให้ทันกับยุคสมัย ได้แก่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีบทบัญญัติสำคัญในส่วนที่เกี่ยวกับการโพสต์ประจานในโซเชียลมีเดีย หรือการกดแชร์ส่งต่อข้อความอันเป็นความผิดด้วย คือ     
       มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (กราฟิกประกอบ)      
       มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
       กฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติอัตราโทษจำคุกและโทษปรับให้หนักขึ้นมากกว่าความผิดฐานหมิ่นประมาทธรรมดาหรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทั้งนี้ก็เพราะการโพสต์ประจานในโซเชียลมีเดียมีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายเป็นวงกว้างนั่นเอง

  

วิธีจัดการทั้งคนหมิ่นและคนโดนประจาน
คนที่ถูกโพสต์หมิ่น หรือเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการโพสต์ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเก็บรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำผิดให้ได้มากที่สุด ไม่ควรด่าหรือโพสต์ประจานโต้ตอบ แต่ให้อธิบายชี้แจงความจริงเพื่อรักษาชื่อเสียงเบื้องต้นเท่านั้น จากนั้นก็นำพยานหลักฐานดังกล่าวไปแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


      
      
       สำหรับผู้ที่กระทำผิดโพสต์ประจานผู้อื่น หากเป็นเพียงความผิดฐานหมิ่นประมาท และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 16 ซึ่งเป็นความผิดที่สามารถเจรจาตกลงประนีประนอมยอมความกันได้ ก็ควรสำนึกผิดและขอโทษผู้เสียหายโดยปฏิบัติตามเงื่อนไขการเจรจาให้ครบถ้วน ผู้เสียหายก็อาจถอนคำร้องทุกข์หรือถอนฟ้องได้
       แต่ในส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 มาตรา 14 เป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความกันได้ คือไม่สามารถถอนคำร้องทุกข์หรือถอนฟ้องได้ แต่ก็ยังมีทางออกด้วยการสำนึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายจากการกระทำ ศาลย่อมเมตตาลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษไว้ก่อนเพื่อให้โอกาสไม่ต้องถูกจองจำ แต่หากต่อสู้คดีก็อาจได้รับโทษจำคุกสูงกว่าการรับสารภาพ     
       ดังนั้นก่อนที่จะโพสต์ข้อความใดๆ ที่มีลักษณะพาดพิงหรือเป็นการใส่ความบุคคลอื่นไม่ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งขึ้นมาใส่ร้ายป้ายสีกันลงในโซเชียลมีเดีย โดยมีเจตนาไม่สุจริต จึงควร “ตั้งสติคิดให้รอบคอบ”ก่อนโพสต์หรือก่อนกดแชร์ส่งต่อ นั่นเพราะบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการโพสต์หรือกดแชร์อาจแจ้งความกล่าวหาหรือฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาเพื่อให้ได้รับการจำคุก เป็นเหตุให้ต้องมีประวัติกระทำผิดอาญา “บางคนถึงกับต้องสูญเสียโอกาสในการทำงาน” เพราะมีประวัติกระทำผิดอาญาดังกล่าว
        นอกจากนี้ “ผู้เสียหาย” ก็ยังมีสิทธิ์ฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายทางแพ่งอีกด้วย หากผู้เสียหายมีชื่อเสียงหรือเกียรติคุณทางสังคมสูง ค่าเสียหายก็จะสูงตามไปด้วย ฉะนั้น อย่าคิดโพสต์แค่เพียงความสะใจ เพราะอาจจะเสียใจภายหลังก็ได้ครับ


 

อ่านต่อได้ที่ http://astvmanager.com/SpecialScoop/ViewNews.aspx?NewsID=9590000043140


   *********************************************************
หากคุณมีปัญหาและต้องการคำปรึกษาด้านกฎหมาย เพิ่มเติม  
ติดต่อได้ที่     ทนายภูวรินทร์ ทองคำ  โทร.081- 9250-144  

E-Mail : Phuwarinlawyer@hotmail.com

http://www.phuwarinlawyer.com/

คดีหมิ่นประมาท กับบทลงโทษที่โลกโซเชียลต้องรู้
- คดีหมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ตกับบทลงโทษที่โลกโซเชียลต้องรู้
ดูทั้งหมด

Copyright by www.phuwarinlawyer.com
Engine by MAKEWEBEASY